5 เคล็ด (ไม่) ลับบำรุงกระดูก เสริมแคลเซียมให้แข็งแรงสุขภาพดี
เคยได้ยินหรือไม่? ว่าหากมีกระดูกที่แข็งแรง ย่อมบ่งบอกถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรงและยืนยาวในอนาคต แต่ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เราต่างละเลยความสำคัญในการดูแลกระดูกจนเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ กลายเป็นภัยเงียบที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของเราอย่างคาดไม่ถึง ถึงเวลาแล้วหรือยัง… กับการดูแลตัวเองและทานอาหารเสริมแคลเซียม เพื่อบำรุงกระดูกและข้อให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน
หากเปรียบร่างกายเป็นห้องเรียน “กระดูก” (Bones) ก็เหมือนหัวหน้าห้อง เพราะเป็นอวัยวะสำคัญซึ่งมีหน้าที่ในการค้ำจุนร่างกาย ทั้งช่วยในการเคลื่อนไหว เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อต่างๆ และปกป้องอวัยวะภายใน อาทิ สมอง หัวใจ ปอด ฯลฯ ไม่ให้ได้รับอันตรายหรือกระทบกระเทือน นอกจากนี้ ยังมีเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งที่เรียกว่าไขกระดูก (Bone marrow) อยู่ในโพรงกระดูกทุกชิ้นของร่างกาย คอยช่วยผลิตเม็ดเลือดอีกด้วย
รู้หรือไม่? เมื่อร่างกายของเราเติบโตเต็มที่จะมีกระดูกอยู่ประมาณ 206 ชิ้น!
ประกอบด้วยกระดูกแกน (Axial Skeleton) และกระดูกรยางค์ (Appendicular Skeleton) ซึ่งแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน กระดูกแกน > อยู่ตรงกลางของร่างกาย มีหน้าที่ในการเป็นหลักให้แก่ร่างกาย เช่น กระดูกสันหลัง ซี่โครง กะโหลกศีรษะ ฯลฯ กระดูกรยางค์ > หรือกระดูกที่ยื่นออกมาจากกระดูกแกน เช่น กระดูกแขน กระดูกขา กระดูกเชิงกราน ทำหน้าที่ในการเคลื่อนไหวอวัยวะตามตำแหน่งต่างๆ
มาถึงตรงนี้คงเห็นแล้วว่า กระดูกมีความสำคัญต่อร่างกายขนาดไหน แต่เรามักมองข้ามและพุ่งเป้าไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ จนละเลยการดูแลตัวเองและความสำคัญในการบำรุงกระดูกและข้อเท่าที่ควร ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาอย่างช้าๆ ทั้งโรคกระดูกพรุน โรคข้อเสื่อม ซึ่งแน่นอนว่าอาการเหล่านี้เหมือนภัยเงียบ เพราะจะปรากฏชัดเจนก็ต่อเมื่ออายุมากขึ้น ถ้าไม่อยากตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นโรคกระดูกพรุนหรือข้อเสื่อมตั้งแต่อายุน้อยๆ ควรเริ่มดูแลกระดูกตั้งแต่วันนี้ กับ 5 เคล็ด (ไม่) ลับในการดูแลตัวเอง และเสริมด้วยอาหารเสริมแคลเซียมที่เรานำมาฝากกัน
1. รับประทานอาหารแคลเซียมสูง
“แคลเซียม” มีบทบาทชัดเจนและโดดเด่นมาก ในฐานะผู้ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้เจริญเติบโตสำหรับเด็กๆ ทั้งความยาวและความหนาแน่นของมวลกระดูก ส่วนผู้ใหญ่ก็ต้องการแคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกและข้อ ให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เปราะไม่ผุง่าย ดังนั้น เราจึงต้องเสริมแคลเซียมให้ร่างกายได้รับอย่างเพียงพอไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม และวิธีที่ง่ายที่สุดคือดูดซึมจากอาหารที่กินเข้าไป อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม หรืออาหารเสริมแคลเซียมที่หาทานได้ง่าย ได้แก่ นม ชีส ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อย ถั่ว และธัญพืชต่างๆ อีกทั้งการรับประทานแคลเซียมในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม เช่น แบบชงหรือแคปซูล ก็สามารถช่วยได้อีกทางหนึ่ง
การทานแคลเซียมอย่างเพียงพอและเหมาะสมตั้งแต่อายุน้อยๆ เท่ากับช่วยให้ร่างกายสะสมแคลเซียมให้มีปริมาณที่หนาแน่น มีมวลกระดูกที่ดี เมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพกระดูกและฟันก็จะยังแข็งแรง แม้มีการสูญเสียมวลกระดูกหรือความหนาแน่นไปตามวัย แคลเซียมก็ยังมีเหลือเพียงพอ ทำให้กระดูกไม่เปราะบางและหักง่าย
2. เสริมวิตามินดี
ภารกิจสำคัญของวิตามินดีคือช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ต่อให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเข้าไปมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีวิตามินดี ร่างกายก็ไม่สามารถนำแคลเซียมส่งต่อไปใช้กับกระดูกและฟันได้ ดังนั้น เราจึงต้องรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีควบคู่กับการทานอาหารเสริมแคลเซียมด้วย ซึ่งแหล่งอาหารที่มีวิตามินดี ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึกอย่างแซลมอน ทูน่า รวมถึงไข่แดง อีกทั้งแหล่งของวิตามินดีที่สำคัญอีกอย่างคือ แสงแดด ควรให้ร่างกายได้รับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสักวันละ 15-30 นาที เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมและนำแคลเซียมไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น เห็นหรือยังว่าแสงแดดไม่ได้น่ากลัวเสมอไป
3. รักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ และออกกำลังกายเสริมสร้างมวลกระดูก
เพราะน้ำหนักที่มากเกินไป เป็นการเพิ่มภาระให้กระดูกหัวเข่าและข้อเท้าทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะปวดเข่าปวดข้อ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อมได้ ดังนั้น การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วยการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการดูแลสุขภาพและกระดูกให้แข็งแรงได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ควรออกกำลังกายเพื่อควบคุมลดน้ำหนักและบริหารกระดูกให้แข็งแรง แต่ไม่ควรใช้กำลังที่หนักหน่วง เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเกิดปัญหากับข้อกระดูกได้ ควรออกกำลังแบบต้านแรงโน้มถ่วง เช่น บาสเกตบอล แบดมินตัน แทนสำหรับผู้สูงอายุแนะนำให้เดินเหยาะๆ หรือเต้นแอโรบิกเบาๆ เพื่อช่วยพยุงข้อต่อ พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นล้มที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังคือ 30 นาที - 1 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์
4. ทานคอลลาเจนเสริมก็ช่วยดูแลกระดูกและข้อได้
หลายคนคงเข้าใจว่าการทานคอลลาเจนจะช่วยแค่เรื่องของความงามหรือผิวพรรณเพียงอย่างเดียว แต่รู้หรือไม่ คอลลาเจนก็สามารถทานเป็นอาหารเสริมแคลเซียม บำรุงกระดูกและข้อได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องเลือกทานให้ถูกประเภท เพราะคอลลาเจนที่ช่วยบำรุงกระดูกได้นั้นต้องเป็นคอลลาเจนประเภทที่ 2 ซึ่งมีหน้าที่ ในการสร้างกระดูกอ่อน ลดการอักเสบ เสริมสร้างความยืดหยุ่น ซ่อมแซมความเสื่อมของข้อต่อ เพื่อให้กระดูกและข้อต่างๆ แข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเอง อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอลลาเจนคลิกที่นี่
5. เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทำร้ายกระดูก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “กาแฟ” เป็นหนึ่งในเมนูอาหารเช้าของหลายๆ คน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นศัตรูเบอร์หนึ่งที่จ้องทำร้ายกระดูกของเรา เพราะมีคาเฟอีนสูง รวมทั้งนิโคตินในบุหรี่ ล้วนเป็นสารที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย แถมยังทำให้มวลกระดูกเสื่อมสลายได้ง่าย ถ้าไม่อยากให้กระดูกผุหรือเปราะเร็ว ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายกระดูกอย่างการดื่มชา กาแฟ และการสูบบุหรี่
เพราะกระดูกของเราสำคัญ อย่าลืมดูแลตัวเองทุกวันด้วย 5 เคล็ด (ไม่) ลับง่ายๆ และบำรุงด้วยแคลเซียมจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรพรีเมียม อย่าง Cal-Plex และ ALGAE Calcium-D
Cal-Plex
ตัวเลือกสำหรับกระดูกของคุณ ที่ให้มากกว่าแคลเซียม เสริมความแข็งแรง แกร่งไปถึงกระดูก ด้วย แคล-เพล็กซ์ แคลเซียมธรรมชาติในรูป “แคลเซียม มิเนอรัล คอมเพล็กซ์” จากนมที่ให้แคลเซียมมากกว่านม 200 เท่า พร้อมกับแร่ธาตุต่างๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับกระดูกคน และวิตามินดี 3 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมเข้าร่างกาย เม็ดเล็ก ทานง่าย เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย
ALGAE Calcium-D
อีกหนึ่งตัวช่วยที่มาพร้อมแคลเซียมจากสาหร่ายทะเล และวิตามินดี บำรุงร่างกายกระดูกและข้อให้แข็งแรงกับการเสริมแคลเซียม ด้วย ALGAE Calcium-D ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชิโครี่ไฟเบอร์ แคลเซียมและวิตามินดี อาหารเสริมชนิดผงพร้อมดื่ม รสส้มจากธรรมชาติ ดื่มง่าย ด้วยสารสกัดจากสาหร่ายทะเลสีแดง วิตามินดี 3 และเทคโนโลยี Calcium Pro-Absorption ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีก 72 ชนิด ได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่แพ้แลคโตส มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ และมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน