กินแบบ IF ลดพุงอย่างไรให้ได้ผล พร้อมเคล็ดลับที่ช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น
ความอ้วนและไขมันรอบพุง เป็นปัญหาคาใจที่หลายคนยอมถอดใจและพ่ายแพ้มาหลายครั้ง จนยอมกลับไปสร้างพุงและอ้วนต่อไป
ทราบหรือไม่ว่าการมีไขมันรอบพุงมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งหมายถึง ฮอร์โมนอินซูลินไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าไปยังเซลล์เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน ทำให้เกิดภาวะเสี่ยงโรคเบาหวาน จากข้อมูลพบว่าขนาดรอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ซม.จะเพิ่มโอกาสเกิดโรคเบาหวาน 3-5 เท่า ไขมันรอบพุง โดยมักจะเกิดจาก 5 สาเหตุหลักคือ
ความอ้วนและไขมันรอบพุง มักจะเกิดจาก 5 สาเหตุหลักคือ
1. ทานแป้งหรือน้ำตาลเกิน
ซึ่งเป็นสาเหตุมากสุดของการทำลายระบบเผาผลาญไขมัน ทำให้เกิดไขมันสะสมโดยเฉพาะที่พุง
2. ความเครียด
ความเครียดมากๆจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ทำให้ร่างกายลดการเผาผลาญ คนที่รูปร่างผอมแต่มีพุงส่วนมากเกิดจากสาเหตุนี้
3. นอนพักผ่อนไม่พอ
ส่งผลต่อการทำงานทุกระบบของร่างกายรวมถึงฮอร์โมนที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญ
4. ไม่ออกกำลังกาย
จะทำให้ระบบการเผาผลาญต่ำและร่างกายมีกล้ามเนื้อน้อยจึงสะสมไขมันได้ง่าย
5. แอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะให้พลังงานสูงและทำให้ตับทำงานหนัก ทำลายระบบการเผาผลาญไขมัน จึงทำให้คนที่ดื่มเบียร์บ่อยๆจะมีพุงใหญ่
หนึ่งในวิธีที่ใช้ลดน้ำหนักโดยเฉพาะไขมันรอบพุงที่ได้ผลดีและเป็นที่นิยมมากขณะนี้ที่คือ การทำ I.F.
(Intermittent Fasting) หรือการกินเป็นช่วงเวลาและงดทานในช่วงเวลาที่เหลือ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักและพุงที่ได้ผล รวมถึงส่งผลดีทางสุขภาพในทุกด้าน การทำ I.F.เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายนำเอาไขมันเก่ามาใช้เป็นพลังงานมากขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่มีพลังงานจากอาหาร โดยมีหลักการสำคัญคือ ปรับรูปแบบของช่วงเวลาการกิน (Feeding) และช่วงเวลาอด (Fasting) อาหาร โดยช่วงที่กินอาหารต้องได้รับสารอาหารครบถ้วนและได้ปริมาณพลังงานรวมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน สามารถเลือกทำได้หลายแบบเช่น
12/12
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นให้เริ่มต้นกินอาหาร 12 ชม.และงดกินอาหาร 12 ชม.
16/8 หรือ 18/6
คือ ช่วงเวลาการกินอยู่ที่ 6-8 ชม. ช่วงเวลาการอด 16-18 ชม.เป็นแบบที่นิยมเพราะทำได้ง่ายสามารถทำได้ต่อเนื่องและได้ผลลัพธ์ดีโดยไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวันมากจนเกินไป
เทคนิคการลดพุงหรือลดน้ำหนักโดยวิธี I.F. จะได้ผลดีถ้าเรามีวินัยโดยสามารถทำได้ทุกวันในช่วงที่ต้องการลดน้ำหนักหรือลดพุง แต่ควรมีวันที่พักและกลับมาทานอาหารปกติทั้งวัน และควรออกกำลังกายเป็นประจำร่วมด้วยและยิ่งถ้าสามารถมีตัวช่วยในการเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน รวมถึงหาตัวช่วยที่จะช่วยให้ร่างกายเราเผาผลาญน้ำตาลและไขมันได้ดีขึ้นรวมถึงลดความหิวในช่วงเวลาที่เรางดทานอาหารจะยิ่งได้ผลที่ดีขึ้น
