30 กันยายน 2565

5 โรคยอดฮิตหน้าฝนที่ต้องระวัง พร้อมวิธีดูแลสุขภาพไม่ให้เป็นหวัดในหน้าฝนนี้

เมื่อเข้าสู่หน้าฝน หรือช่วงเปลี่ยนฤดู บรรยากาศรอบๆ ก็ดูพร้อมสร้างความเจ็บป่วยให้เราได้ง่ายๆ เพราะเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่กระจายอยู่มากมายในอากาศ ได้กลายเป็นพาหะนำโรคที่เติบโตได้ดีในสภาพอากาศอับชื้น วันนี้เราจึงขอชวนมาดูการดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน ให้ห่างไกลจากปัญหาสุขภาพ เป็นหวัด ภูมิแพ้ หรือโรคต่างๆ ที่มาตามฤดูกาลได้ง่ายๆ กันเถอะ

โรคยอดฮิตที่มักมาพร้อมกับหน้าฝน ที่ควรระวัง

ช่วงหน้าฝนมักทำให้หลายคนไม่สบายบ่อย เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยจนทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับใครที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงก็อาจยังสบายตัวสบายใจ แต่ใครที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเป็นภูมิแพ้ง่ายอาจเจ็บป่วยด้วยโรคยอดฮิตช่วงหน้าฝน ซึ่งมีทั้งโรคที่เราคุ้นเคยกันดี และโรคที่ไม่เคยรู้ว่ามักระบาดในช่วงนี้ได้เช่นกัน

ไข้หวัด

คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไรโนไวรัสที่อยู่ตามอากาศรอบ ๆ ตัว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หรือฤดูหนาว สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก ตา และปาก หรือการใช้ของร่วมกันกับคนป่วย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ง่าย

ภูมิแพ้

หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าโรคแพ้อากาศ โดยในช่วงอากาศเปลี่ยนหลายคนมักมีอาการน้ำมูกไหล จาม คันจมูก คัดจมูก ส่วนมากเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น ขนแมว ขนสุนัข เกสรพืช หรือเชื้อราในอากาศ

ไข้เลือดออก

โรคติดต่อที่ระบาดหนักมากในช่วงฤดูฝน เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค สามารถพบได้ในทุกวัย อาการคล้ายไข้หวัดที่เหมือนจะไม่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เสียชีวิตได้

โรคฉี่หนู

พบมากในหน้าฝนและในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง โดยมีสาเหตุมาจากการสัมผัสดิน น้ำ อาหารที่ปนเปื้อนปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อของสัตว์ที่มีเชื้อ เช่น สุนัข วัว ควาย หนู สุกร ม้า เป็นต้น

โรคตาแดง

เป็นโรคระบาดทางตาที่พบได้บ่อย มักระบาดในช่วงฤดูฝน โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว จากการสัมผัส การใช้ของร่วมกัน การไอจาม แม้กระทั่งการหายใจรดกันก็อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ หลังจากได้รับเชื้อแล้วจะทำให้เกิดอาการภายใน 1-2 วัน โดยจะมีอาการตาแดงอย่างเฉียบพลัน เคืองตามาก เจ็บตา น้ำตาไหล ตาบวม เป็นต้น

โรคยอดฮิตที่มักมาพร้อมกับหน้าฝน ที่ควรระวัง

ช่วงหน้าฝนมักทำให้หลายคนไม่สบายบ่อย เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยจนทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับใครที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงก็อาจยังสบายตัวสบายใจ แต่ใครที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเป็นภูมิแพ้ง่ายอาจเจ็บป่วยด้วยโรคยอดฮิตช่วงหน้าฝน ซึ่งมีทั้งโรคที่เราคุ้นเคยกันดี และโรคที่ไม่เคยรู้ว่ามักระบาดในช่วงนี้ได้เช่นกัน

ไข้หวัด

คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไรโนไวรัสที่อยู่ตามอากาศรอบ ๆ ตัว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หรือฤดูหนาว สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก ตา และปาก หรือการใช้ของร่วมกันกับคนป่วย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ง่าย

ภูมิแพ้

หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าโรคแพ้อากาศ โดยในช่วงอากาศเปลี่ยนหลายคนมักมีอาการน้ำมูกไหล จาม คันจมูก คัดจมูก ส่วนมากเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น ขนแมว ขนสุนัข เกสรพืช หรือเชื้อราในอากาศ

ไข้เลือดออก

โรคติดต่อที่ระบาดหนักมากในช่วงฤดูฝน เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค สามารถพบได้ในทุกวัย อาการคล้ายไข้หวัดที่เหมือนจะไม่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เสียชีวิตได้

โรคฉี่หนู

พบมากในหน้าฝนและในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง โดยมีสาเหตุมาจากการสัมผัสดิน น้ำ อาหารที่ปนเปื้อนปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อของสัตว์ที่มีเชื้อ เช่น สุนัข วัว ควาย หนู สุกร ม้า เป็นต้น

โรคตาแดง

เป็นโรคระบาดทางตาที่พบได้บ่อย มักระบาดในช่วงฤดูฝน โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว จากการสัมผัส การใช้ของร่วมกัน การไอจาม แม้กระทั่งการหายใจรดกันก็อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ หลังจากได้รับเชื้อแล้วจะทำให้เกิดอาการภายใน 1-2 วัน โดยจะมีอาการตาแดงอย่างเฉียบพลัน เคืองตามาก เจ็บตา น้ำตาไหล ตาบวม เป็นต้น

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน ดูแลอย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลไข้หวัด

ช่วงหน้าฝนมักทำให้หลายคนไม่สบายบ่อย เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยจนทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับใครที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงก็อาจยังสบายตัวสบายใจ แต่ใครที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเป็นภูมิแพ้ง่ายอาจเจ็บป่วยด้วยโรคยอดฮิตช่วงหน้าฝน ซึ่งมีทั้งโรคที่เราคุ้นเคยกันดี และโรคที่ไม่เคยรู้ว่ามักระบาดในช่วงนี้ได้เช่นกัน น

1. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

ในทุกๆ วันควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร หรือ 8-10 แก้วต่อวัน แต่ทั้งนี้ให้ค่อยๆ จิบน้ำตลอดวัน ไม่ควรดื่มครั้งละมากๆ ในคราวเดียว เพื่อเป็นการเติมน้ำเข้าสู่ร่างกาย รักษาสมดุลของร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนโลหิตและทำให้เซลล์ภายในร่างกายไม่ขาดน้ำ อีกทั้งยังลดโอกาสในการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่ป่วยและเป็นหวัดง่ายอีกด้วย

2. ออกกำลังสม่ำเสมอ

การดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝนด้วย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยให้รูปร่างสมส่วนแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้ง่ายๆ เพราะการออกกำลังกายสามารถช่วย เพิ่มภูมิต้านทานโรคต่างๆ แถมยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับสิ่งแปลกปลอมออกมากับเหงื่อไคลได้อีกด้วย ไม่เชื่อลองมองดูรอบตัวโดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย คนเหล่านี้มักจะไม่ค่อยเจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน

3. กินอาหารเสริมภูมิ

หลายคนคงทราบดีว่าการที่เราป่วยได้นั้น เกิดจากสุขภาพร่างกายเราในช่วงนั้นๆ อ่อนแอ ภูมิคุ้มกันตก ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มี สารต้านอนุมูลอิสระสูง ควบคู่กับ วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมปกป้องตัวเองจากเชื้อโรคต่างๆ เพียงแต่ว่าวิตามินบางตัวร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เราจึงต้องอาศัยจากการรับประทานอาหาร หรือทานอาหารเสริมเข้าทดแทน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อมต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ

ขอแนะนำ

บียอนด์ ไลฟ์ เซนเชียล

นวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพดี

นวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมของวิตามินรวม เกลือแร่ กรดอะมิโนและสารอาหารทั้งสิ้นกว่า 50 ชนิด ที่ช่วยคืนความแข็งแรงให้กับสุขภาพ ป้องกันความเครียด ความเหนื่อยล้าและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อปกป้องร่างกายในระดับเซลล์

บียอนด์ มากิ พลัส+

เครื่องดื่มซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์จากผลมากิ เบอร์รี่

และซูเปอร์ฟรุตถึง 12 ชนิด ที่มีสารดีดี (DEDI : Delphinidin) มากกว่าบลูเบอร์รีถึง 35 เท่า โดยมีส่วนช่วยลดอัตราการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยล้างพิษในเลือดและตับ จึงเป็นประโยชน์ต่อประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเป็นอย่างมาก รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอได้เป็นอย่างดี

4. เลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝน หรือบริเวณน้ำท่วมขัง

เพราะแบคทีเรียและไวรัสมักมากับลมและน้ำในช่วงเวลาที่ฝนตก สิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝนคืออย่าพาตัวเองไปตากฝน หรือลุยฝนตรงๆ เพราะจะทำให้เป็นหวัด หรือเกิดภูมิแพ้ได้ง่าย แนะนำให้หาอุปกรณ์ป้องกันฝน เช่น หมวก ร่ม หรือเสื้อกันฝน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อและก่อให้เกิดความเจ็บป่วยได้ นอกจากนี้ในบริเวณที่มีน้ำขัง อาจมีเชื้อโรคที่จะทำให้เป็นโรคฉี่หนูได้ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีน้ำขัง หรือมีน้ำสกปรกได้จะดีที่สุด แต่ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ แนะนำให้ล้างเท้าด้วยน้ำสบู่ให้สะอาดทันที หลังจากที่ต้องเดินย่ำน้ำสกปรก

5. ดูแลความสะอาดบ้าน

ในช่วงหน้าฝนหากรอบบริเวณบ้านไม่สะอาด มีแหล่งน้ำขัง มีที่อับชื้น อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย หรือแหล่งที่อยู่อาศัยของหนู ซึ่งเป็นพาหะของโรคฉี่หนู หรือหากบ้านไม่สะอาด มีฝุ่น ไรสะสม อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ก่อให้เกิดภูมิแพ้ช่วงฝนตกได้ง่าย ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน อย่าลืมที่จะดูแลสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบๆ ที่อยู่อาศัย ด้วยการดูแลรักษาความสะอาดให้ปราศจากฝุ่นและแหล่งก่อเชื้อโรคอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ไม่ว่าจะหน้าฝน หรืออากาศเปลี่ยนแปลงเมื่อไร ก็ไม่ต้องคอยกังวลปัญหาสุขภาพและความเจ็บป่วย

เพราะการมี สุขภาพดี ช่วยให้เราสามารถขับเคลื่อนชีวิตและความสุขต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าฝน หรือฤดูไหนๆ อย่าลืมใส่ใจตัวเอง ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง เพื่อชีวิตที่ดีกันเถอะ