7 วิธีดูแลร่างกายให้ปลอดภัย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝุ่น pm 2.5
"อากาศ" เป็นหนึ่งในความต้องการพื้นฐานของร่างกาย เพื่อความอยู่รอดในการดำรงชีวิต แต่ในหลายๆ วันที่เราพบว่าอากาศนั้นช่างขมุกขมัวเหลือเกิน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นใช่หมอกควันธรรมดา หรือฝุ่น PM2.5 กันแน่ !
นับเป็นปรากฏการณ์ที่หลีกเลี่ยงได้ยากกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่โด่งดัง ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน จนทำให้ผู้คนต้องคอยตื่นตัว เช็กข่าววันต่อวัน หาวิธีป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ที่ตอนนี้ต้องเผชิญค่าฝุ่นที่พุ่งสูงขึ้นแบบควบคุมไม่ได้ ด้วยเพราะเป็นช่วงรอยต่อของหน้าหนาว อากาศปิด ฝุ่นพิษขนาดจิ๋วจึงรีเทิร์นกลับมาหาเราอีกครั้ง เป็นเหมือนภัยเงียบที่สามารถส่งผลต่อสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งหากได้รับการสะสมเป็นเวลานานอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ผลกระทบจากฝุ่น PM2.5
หากจะวัดค่าดัชนีความร้ายกาจและน่ากลัวของเจ้าฝุ่นนี้ในระยะยาว ดูเหมือนจะมีความร้ายแรงต่อสุขภาพของเราไม่น้อยทีเดียว เมื่อองค์กรอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ฝุ่นจิ๋วเป็นหนึ่งในสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และยังส่งผลต่ออายุขัยของมนุษย์ที่สั้นลง เพราะเทโลเมียร์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลดีเอ็นเอ โดนทำร้ายด้วยอนุมูลอิสระที่เกิดจากฝุ่นจนหดสั้นลง ทั้งหมดนี้คือผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาว มาดูอานุภาพของฝุ่นขนาดจิ๋วที่สามารถส่งผลกระทบแบบเฉียบพลันในระยะสั้น ซึ่งรุนแรงไม่แพ้กันเลยทีเดียว
- ผลกระทบต่อสุขภาพ เริ่มจากการไอ จาม แสบจมูก แสบตา เจ็บหรือระคายเคืองคอ เพราะมีน้ำมูกไหลลงคอ โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจจะถูกกระตุ้นมากขึ้น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรือหนักถึงขั้นไอ มีเลือดปนร่วมด้วย
- ผลกระทบต่อผิวพรรณ แรกเริ่มคือการอักเสบและระคายเคือง มีผื่นคันขึ้นตามตัว หรืออาจเป็นลมพิษ สำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวหน้าจะมีโอกาสเกิดสิวอักเสบได้สูงมากขึ้น แถมผิวหน้ายังดูหมองคล้ำขึ้นด้วย
แน่นอนว่าเรายังต้องเผชิญกับวิกฤติฝุ่นเจ้าปัญหานี้กันไปอีกนาน แต่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไรถึงจะปลอดภัยทั้งสุขภาพและผิวพรรณ มาดู 7 วิธีดูแลตัวเอง เมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกับฝุ่น
7 วิธีดูแลตัวเองให้ปลอดภัย เมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกับฝุ่น PM2.5
1. งดกิจกรรมกลางแจ้ง
หากไม่มีเหตุจำเป็นควรงดหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับฝุ่น และอยู่ภายในบ้านที่ปิดสนิท แต่ด้วยความสามารถพิเศษของฝุ่น PM2.5 ที่มีขนาดเล็กมาก มันจึงสามารถแทรกซึมเข้าตามช่องประตู หน้าต่าง หรือเข้าไปในช่องแอร์คอนดิชั่นได้ ดังนั้น ควรเสริมการดูแลตัวเองด้วยเครื่องฟอกอากาศสักตัว ปรับอากาศที่เป็นพิษให้กลายเป็นอากาศดีต่อร่างกายแทน
2. หน้ากากป้องกัน
ถ้าจำเป็นต้องออกไปนอกบ้านควรป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย N95 หรือหน้ากากที่สามารถกรอง PM2.5 ได้ เวลาสวมใส่ควรปรับโครงบริเวณจมูกเพื่อให้เข้ารูปแนบสนิทกับใบหน้า เพื่อไม่ให้มีอากาศรั่วไหลผ่านเข้าไปภายในได้ แต่สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด หอบ หืด หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ เมื่อใส่เป็นเวลานานจะทำให้รู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก ดังนั้นนอกจากเลือกหน้ากากให้เหมาะกับรูปหน้าแล้ว ต้องเหมาะกับระยะเวลาที่ใช้ด้วย ที่สำคัญควรเปลี่ยนทุก 1 - 2 วัน และล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
3. อย่าลืมครีมกันแดด
สร้างเกราะป้องกันให้กับทางเดินหายใจแล้ว อย่าลืมสร้างเกราะป้องกันผิวด้วยครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากมลภาวะทางอากาศและอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด สร้างเกราะป้องกันไม่ให้ฝุ่นแทรกซึมลงสู่ผิวจนกิดปัญหาผิวตามมา ปกป้องผิวด้วย อาวียองซ์ ยูวี เอกซ์เพิร์ท กลูตา ออเร้นจ์ เซรั่มกันแดดเนื้อน้ำนม ที่มีสารสกัดส้มสีแดง กลูต้าไธโอนและพืชจากธรรมชาติ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีและมลพิษต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ดีท็อกซ์ผิวกำจัดพิษ
กำจัดและลดปัญหาการสะสมของฝุ่น ที่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวในอนาคตด้วยการมาส์คดีท็อกซ์ผิว เพื่อช่วยดูดดึงเอาสิ่งสกปรกที่แทรกซึมฝังตามรูขุมขนให้สะอาดหมดจด GLUTA LEMON Natural Detoxifying Clay Mask มาส์คดีท็อกซ์ผิวหน้าจากโคลนสีขาว ช่วยดูดสิ่งสกปรกให้ออกจากผิวได้ภายใน 1 นาที ขจัดความมันและสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด พร้อมสารสกัดจากดอกไม้ตระกูลมิ้นท์ ที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากฝุ่น pm 2.5 ได้ด้วย
5. ดูแลจมูกและปาก
บริเวณจมูกและปากเป็นอีกช่องทางที่ฝุ่นสามารถแทรกซึมเข้าสู่ภายในร่างกายได้ง่าย กำจัดสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ในโพรงจมูกให้หลุดออกไปด้วยการล้างจมูกทุกครั้งหลังจากเผชิญหน้ากับฝุ่น และเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากที่สามารถกำจัดแบคทีเรียได้ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกิดจากฝุ่น จนทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างอาการไอและเจ็บคอ เป็นต้น
6. พักผ่อนให้เพียงพอ
เราสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี แข็งแรงด้วยการนอนหลับพักผ่อนที่ดีและเพียงพอ ซึ่งการนอนที่ดีนั้น คุณหมอ และผู้เชี่ยวชาญต่างแนะนำให้ปฏิบัติตามนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย โดยควรเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนต่างๆ ได้เต็มประสิทธิภาพ เช่น โกรทฮอร์โมน ซึ่งร่างกายจะหลั่งออกมามากที่สุดในขณะที่เข้าสู่โหมดพักผ่อน นอกจากนี้ เพื่อการนอนหลับที่ดี มีคุณภาพ ควรนอนต่อเนื่องให้ได้ 7-8 ชั่วโมง เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสู้กับปัญหาฝุ่นจิ๋วอันตรายได้
7. อาหารเสริมเพิ่มภูมิต้านทาน
ปิดท้ายกันด้วยการเสริมความแข็งแรงให้ร่างกายจากภายใน ด้วยการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ซึ่งนอกจากทานให้ครบ 5 หมู่แล้ว ควรเน้นอาหารที่มีวิตามินซี เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เกิดจากฝุ่น PM2.5 ได้ แถมยังช่วยลดภูมิแพ้ได้อีกด้วย มาเติมสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกายด้วย บียอนด์ มากิพลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำที่มีผลไม้ให้วิตามินซีสูง อย่างมากิเบอร์รี่และซูเปอร์ฟรุตรวม 12 ชนิด ให้สารแอนตี้ออกซิแดนท์สูงถึง 249,225 หน่วย/ขวด คอยดูแลเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย